ไขข้อข้องใจ เหตุโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ระเบิดที่ญี่ปุ่น
3 posters
หน้า 1 จาก 1
ไขข้อข้องใจ เหตุโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ระเบิดที่ญี่ปุ่น
ภาพการทำงานของเตาปฏิกรณ์
สร้างความตื่นตระหนกให้กับผู้ที่ได้รับข่าวสารเป็นอย่างมาก หลังจากเกิดเหตุการณ์โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ของญี่ปุ่นระเบิด จากเหตุแผ่นดินไหว 8.9 ริกเตอร์เมื่อวันศุกร์ที่ 11 มีนาคมที่ผ่านมา โดยในช่วงแรกนั้น เกิดความสับสนในเรื่องของข่าวว่า สิ่งที่ระเบิดคือเตาปฏิกรณ์ แต่แท้ที่จริงแล้ว สิ่งที่ระเบิดนั้นเป็นเพียงตัวอาคารที่ถูกก๊าซไฮโดรเจนปริมาณมากดันออกมา จากความร้อนที่สูงขึ้นนั่นเอง
ด้วยเหตุนี้ คุณ Maki Roll เว็ปไซต์ Pantip.com จึงได้ตั้งกระทู้อธิบายเหตุการณ์การระเบิดของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ญี่ปุ่น เพื่อจะได้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้องนั่นเอง โดยต้องทำความเข้าใจเรื่องโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ก่อนว่า ในโรงไฟฟ้านิวเคลียร์จะมีแกนปฏิกรณ์ ที่ถูกแช่อยู่ในน้ำ เพื่อที่จะให้น้ำเป็นตัวพาความร้อนออกไป (ตามรูปคือแท่งสีเหลือง น้ำ คือ ส่วนสีฟ้า)
ภาพการทำงานของเตาปฏิกรณ์
หากไม่มีน้ำ หรือน้ำลดน้อยลง ปฏิกิริยานิวเคลียร์จะคายความร้อนออกมา และเมื่อไม่มีน้ำเป็นตัวพาความร้อนจากแกนปฏิกรณ์ออกไป แกนปฏิกรณ์จะร้อนขึ้นเรื่อย ๆ
ภาพการทำงานของเตาปฏิกรณ์
จากนั้น เมื่อแกนปฏิกรณ์ร้อนจนถึงจุด ๆ หนึ่ง แกนปฏิกรณ์จะเริ่มหลอมละลาย ทำให้สารกัมมันตรังสีเริ่มแพร่กระจายออกมา
ภาพการทำงานของเตาปฏิกรณ์
เพราะฉะนั้น เมื่อเกิดแผ่นดินไหวขึ้นในประเทศญี่ปุ่น ระบบหยุดทำงานอัตโนมัติ จะเริ่มทำงานทันที เพื่อยุติปฏิกริยานิวเคลียร์ภายใน Reactor โดยการใส่ตัวหน่วงปฏิกริยาลง ดังรูปจะเห็นได้ว่า แท่งปฏิกรณ์นั้นร้อนแล้ว จึงเปลี่ยนเป็นสีแดง ส่วนสีดำที่เข้ามาขั้นตรงกลางนั้น คือตัวหน่วงปฏิกริยา เพื่อทำให้ปฏิกริยาค่อย ๆ หยุดลง ทั้งนี้ การหยุดของ Reactor จะไม่ได้หยุดทันทีทันใด แต่จะค่อยหยุด ๆ เพราะฉะนั้นแล้ว ภายในจึงจำเป็นที่จะต้องมีน้ำหล่อเย็นอยู่ตลอดเวลา เพื่อไม่ให้แกนปฏิกรณ์ร้อนจนละลายดังที่กล่าวมาแล้ว
ภาพการทำงานของเตาปฏิกรณ์
เมื่อเริ่มทำการหยุดปฏิกริยา Cooling System - 1 (ระบบระบายความร้อนที่ 1) ที่ถูกตั้งไว้อัตโนมัติ จะเริ่มทำงานทันที เพื่อระบายความร้อนออกจากแกนปฏิกรณ์
ภาพการทำงานของเตาปฏิกรณ์
แต่ทว่า หลังจากเกิดแผ่นดินไหว ทำให้ระบบระบายความร้อนที่ 1 ได้รับความเสียหาย ระบบระบายความร้อนที่ 1 จึงหยุดทำงาน
ภาพการทำงานของเตาปฏิกรณ์
เพราะฉะนั้น ระบบระบายความร้อนที่ 2 (ระบบสำรอง) ซึ่งใช้เครื่องยนต์ดีเซลปั่นน้ำเข้าไประบายความร้อนในเตาปฏิกรณ์ จึงเริ่มทำงานทันที
ภาพการทำงานของเตาปฏิกรณ์
แต่เหตุการณ์ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อเกิดอาฟเตอร์ช็อกรอบที่ 2 ทำให้ระบบระบายความร้อนที่ 2 ได้รับความเสียหาย หยุดทำงานทันทีเช่นกัน
ภาพการทำงานของเตาปฏิกรณ์
เช่นนั้นแล้ว ระบบระบายความร้อนที่ 3 หรือระบบฉุกเฉินที่เป็นระบบสุดท้าย ก็เริ่มทำงานทันที โดยระบบนี้จะใช้ไอน้ำจากความร้อนในเตาปฏิกรณ์มากลั่นตัวเป็นน้ำ แล้วนำน้ำกลับไประบายความร้อนในเตาปฏิกรณ์อีกที เพื่อระบายความร้อนในแกนปฏิกรณ์ออกมา
ภาพการทำงานของเตาปฏิกรณ์
แต่แล้ว เมื่อระบบระบายความร้อนที่ 3 เริ่มทำงาน กลับพบว่า ระบบน้ำในระบบระบายความร้อนที่ 3 มีไม่พอ เนื่องจากน้ำซึ่งมีสัญลักษณ์ทางเคมี คือ H2O ได้ระเหยเป็น H2 หรือก๊าซไฮโดรเจน จึงทำให้ความดันภายในอาคารสูงขึ้น
ภาพการทำงานของเตาปฏิกรณ์
ระดับน้ำที่ลดลง ทำให้การระบายความร้อนภายในแกนปฏิกรณ์ทำได้ไม่ดี จนกระทั่งอุณหภูมิสะสมภายในเพิ่มสูงขึ้นถึงจุดวิกฤต จนแกนปฏิกรณ์จะหลอมละลาย
ขณะที่ปริมาณไฮโดรเจนภายในอาคารที่มีความดันเพิ่มสูงขึ้น ก็ดันอาคารให้ระเบิดออกมาในที่สุด อย่างที่เราเห็นภาพอาคารทีเสียหายปรากฎในข่าว ซึ่งเมื่ออาคารเกิดการระเบิดขึ้น ไฮโดรเจนที่ลอยออกมาได้พาไอโซโทปของไอโอดีน และซีเซียมออกมาด้วย ทำให้ทางการต้องเร่งแจกจ่ายไอโอดีนให้กับประชาชนที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยง เพื่อป้องกันการสะสมของไอโซโทปของไอโอดีนนั่นเอง
เพราะฉะนั้น เราจึงได้ยินข่าวว่า วิศวกรญี่ปุ่นไม่มีทางเลือก ต้องเร่งแก้ไขเหตุการณ์ดังกล่าวเฉพาะหน้า ด้วยการใช้น้ำทะเลเข้ามาหล่อเย็นในเตาปฏิกรณ์ เพื่อระบายความร้อนที่มีสูงมากภายในแกนปฏิกรณ์ ซึ่งแน่นอนว่า การใช้น้ำทะเลไม่ใช่วิธีที่ปลอดภัยที่สุด และมีความเสี่ยงเช่นกัน เพราะในน้ำทะเลมีการเจือปนธาตุหลายชนิด อาจทำให้เกิดสารรังสีตัวใหม่ ๆ ตามมา และระบบภายในเตาปฏิกรณ์ก็ออกแบบมาเพื่อใช้กับน้ำบริสุทธิ์เท่านั้น จึงยังต้องหาวิธีแก้ไขต่อไป และภาวนาไม่ให้เกิดแผ่นดินไหว อาฟเตอร์ช็อก หรือสึนามิถล่มซ้ำ เพราะอาจนำไปสู่เหตุการณ์ที่เลวร้ายลงไปอีก
ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญทางด้านนิวเคลียร์ของ Australian Nuclear Science and Technology Organisation (ANSTO) ก็ออกมาระบุว่า หากแกนปฏิกรณ์ถูกหลอมละลายไปหมด จะทำให้สารกัมมันตรังสีแพร่กระจายออกมาจำนวนมาก พื้นที่ภายในรัศมี 20 กิโลเมตรของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์จะเป็นพื้นที่เสี่ยง และไม่สามารถเข้าใกล้ได้ โดยประเทศที่จะได้รับผลกระทบตรง ๆ เลยก็คือ ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา และแคนาดา ซึ่งลมจะพัดไปถึง แต่อย่างไรก็ตาม ผลกระทบที่เกิดขึ้นจะไม่รุนแรงเท่าเหตุการณ์การระเบิดของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่เชอร์โนบิล ประเทศยูเครน อย่างแน่นอน เพราะที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ของญี่ปุ่น มีระบบป้องกันดีกว่ามาก
นี่คงไขข้อข้องใจ เหตุโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ระเบิดที่ญี่ปุ่น ให้กับทุกคนได้
[/center]
เพื่อนTkoON- หล่อขั้นเทพ/สวยขั้นเทพ
- จำนวนข้อความ : 115
แต้่ม : 24530
ชื่อเสียง : 24
Age : 31
ที่อยู่ : 30 ซ.ป่าไม้ ถ.หนองกะจะ ต.ปากช่อง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา 30130
Re: ไขข้อข้องใจ เหตุโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ระเบิดที่ญี่ปุ่น
ตกใจกันเกินไปนิด...
เพราะจริงๆคือ...เตาปฏิกรณ์ไม่ได้ระเบิดแต่อย่างใด
แต่ถึงจะระเบิด ไอโอดีน เกลือ ก็ป้องกันได้ไม่เท่าไหร่...
ฟังมาจะผู้ติดตามข่าวญี่ปุ่นอย่างใกล้ชิด...
เพราะจริงๆคือ...เตาปฏิกรณ์ไม่ได้ระเบิดแต่อย่างใด
แต่ถึงจะระเบิด ไอโอดีน เกลือ ก็ป้องกันได้ไม่เท่าไหร่...
ฟังมาจะผู้ติดตามข่าวญี่ปุ่นอย่างใกล้ชิด...
PS.SIRIN- สวย
- จำนวนข้อความ : 42
แต้่ม : 24277
ชื่อเสียง : 1
Age : 31
ที่อยู่ : www.facebook.com/siringiggog
หน้า 1 จาก 1
Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
|
|